top of page

บทความจากศิษยาภิบาล ฉบับวันที่ 17 เมษายน 2022

บทความจากศิษยาภิบาลคริสตจักรขอนแก่น ศจ.ดร.วัฒนา พรหมโคตร


สุขสันต์วันอีสเตอร์ 2022

เป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองการเป็นขึ้นมาจากความตายขององค์พระเยซูคริสต์เจ้า เราได้ระลึกถึงชัยชนะเหนือความตายขององค์พระคริสต์เจ้าในการนมัสการในทุกๆ รอบ และรอบพิเศษตี 5 รวมเป็น 6 รอบพอดีในคริสตจักรของเรา สรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าขอพระพรมาเหนือพี่น้องทุกๆ ท่านที่จะได้รับพระพรแห่งสันติสุข ชีวิตอันครบบริบูรณ์ ชีวิตแห่งชัยชนะและความหวังในพระองค์แก่พวกเราอย่างถ้วนหน้ากัน ความอ่อนแอ ความพ่ายแพ้ ความหมดหวังและสิ้นหวังมลายไปแทนที่ด้วยพระคุณพระพรในองค์พระคริสต์เจ้า แท้จริงแล้วเรื่องการสิ้นพระชนม์ของพระองค์และการเป็นขึ้นมากจากความตายของพระองค์นั้น พระองค์เองได้ตรัสสอนเอาไว้อย่างเด่นชัดให้สาวกของพระองค์ได้รับททราบแล้ว เช่น

“21ตั้งแต่เวลานั้นมา พระเยซูทรงเริ่มเผยแก่เหล่าสาวกของพระองค์ว่า พระองค์จะต้องเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็ม และจะต้องทนทุกข์ทรมานหลายประการจากพวกผู้ใหญ่ และพวกมหาปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์ จนต้องถึงถูกประหารชีวิต แต่ในวันที่สามพระองค์จะทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาใหม่ 22ฝ่ายเปโตรเอามือจับพระองค์ทูลท้วงว่า “พระองค์เจ้าข้าให้เหตุการณ์ นั้นอยู่ห่างไกลจากพระองค์เถิด อย่าให้เป็นอย่างนั้นแก่พระองค์เลย” 23พระองค์จึงหันพระพักตร์ตรัสกับเปโตรว่า “อ้ายซาตานจงไปให้พ้น เจ้าเป็นเครื่องกีดขวางเรา เพราะเจ้าคิดอย่างคน มิได้คิดอย่างพระเจ้า” 24ขณะนั้นพระเยซูจึงตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า “ถ้าผู้ใดใคร่ตามเรามาให้ผู้นั้นเอาชนะตัวเอง และรับกางเขนของตนแบกและตามเรามา 25เพราะว่าผู้ใดใคร่จะเอาชีวิตรอด ผู้นั้นจะเสียชีวิต แต่ผู้ใดจะเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เรา ผู้นั้นจะได้ชีวิตรอด 26เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลกแต่ต้องเสียชีวิตของตน ผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร หรือผู้นั้นจะนำอะไรไปแลกเอาชีวิตของตนกลับคืนมา 27เหตุว่าเมื่อบุตรมนุษย์จะเสด็จมาด้วยพระสิริแห่งพระบิดา และพร้อมด้วยทูตสวรรค์ของพระองค์ เมื่อนั้นจะประทานบำเหน็จให้ทุกคนตามการกระทำของตน 28เรากล่าวความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ในพวกท่านที่ยืนอยู่ที่นี่ มีบางคนที่ยังจะไม่รู้รสความตาย จนกว่าจะได้เห็นบุตรมนุษย์เสด็จมาด้วยราชอำนาจของพระองค์ท่าน”” มัทธิว 16:21-28

และในพระธรรมอีกหลายๆ ตอนก็ได้กล่าวเอาไว้เช่นกัน ดัง “เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์” ยอห์น 3:16 และ ยอห์น 1:1-14 (ศึกษาเพิ่มเติมเองครับผม) การเฉลิมฉลองเทศกาลนี้มีนัยสำคัญในหลากหลายด้าน เช่น

(1) การเป็นการประกาศถึงความเป็นพระเป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์เป็นอยู่

ทรงฤทธานุภาพสูงสุด การคืนพระชนม์มีพยานหลักฐานที่ชัดเจน เด่นชัดตามหลักวิทยาศาสตร์ หลักนิติศาสตร์ หลักตรรกวิทยา ฯลฯ ทรงเป็นต้นเป็นแบบที่ผู้เชื่อจะเป็นขึ้นมาจากความตายตามอย่างของพระองค์อย่างแน่นอน

“13เพราะเรามีใจเชื่อเช่นเดียวกับผู้ที่เขียนไว้ว่า ข้าพเจ้าเชื่อ เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าจึงพูด เราก็เชื่อเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราจึงพูด 14เรารู้ว่าพระองค์ผู้ทรงให้พระเยซูเจ้าคืนพระชนม์ จะทรงโปรดให้เราเป็นขึ้นมาโดยพระเยซู และจะทรงพาเราเข้ามาเฝ้าพร้อมกับท่านทั้งหลาย 15เพราะว่าสิ่งสารพัดนั้นเป็นไปเพื่อประโยชน์ของท่านทั้งหลาย เพื่อว่าเมื่อพระคุณมาถึงคนเป็นจำนวนมากขึ้น ก็จะมีการขอบพระคุณมากยิ่งขึ้น เป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า” 2 โครินธ์ 4:13-15
(2) การเป็นขึ้นมาจากความตายของพระคริสต์เจ้านำการเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่มาสู่ผู้คนอย่างมากมาย

วิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป ความหวาดหวั่น ความกลัวต่างๆ ถูกแทนที่ด้วยความกล้าหาญ

“4เพราะพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า “เรื่องขันทีทั้งหลายผู้รักษาวันสะบาโตของเรา ผู้เลือกบรรดาสิ่งที่พอใจเรา และยึดพันธสัญญาของเราไว้มั่น 5ภายในนิเวศของเราและภายในกำแพงของเรา เราจะให้อนุสาวรีย์และชื่อแก่เขาเหล่านั้น ที่ดีกว่าบุตรชายและบุตรหญิง เราจะให้ชื่อนิรันดร์แก่เขาทั้งหลาย ซึ่งจะไม่ตัดออกเลย 6“และบรรดาชนต่างชาติผู้เข้าจารีตถือพระเจ้า ปรนนิบัติพระองค์และรักพระนามของพระเจ้า และเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ ทุกคนผู้รักษาวันสะบาโต และมิได้เหยียดหยาม และยึดพันธสัญญาของเรามั่นไว้ 7คนเหล่านี้เราจะนำมายังภูเขาบริสุทธิ์ของเรา และกระทำให้เขาชื่นบานอยู่ในนิเวศอธิษฐานของเรา เครื่องเผาบูชาของเขาและเครื่องสักการบูชาของเขา จะเป็นที่โปรดปรานบนแท่นบูชาของเรา เพราะนิเวศของเราเขาจะเรียกว่าเป็นนิเวศอธิษฐาน สำหรับบรรดาชนชาติทั้งหลาย” อิสยาห์ 56:4-7

องค์พระผู้เป็นเจ้าสั่งให้คนของพระองค์ได้รักษาวันสะบาโตตามพระคริสตธรรมคัมภีร์เดิมวันสะบาโตเป็นวันศุกร์ถึงเย็นวันเสาร์ก็ได้ถูกเปลี่ยนมาเป็นวันต้นสัปดาห์แทนคือในวันอาทิตย์เพื่อระลึกถึงการเป็นขึ้นมาจากความตายขององค์พระคริสต์เจ้านั่นเอง นี่เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงที่เห็นเป็นรูปธรรม

(3) การเป็นขึ้นมาจากความตายของพระคริสต์เจ้านำพาให้เหล่าสาวกประกาศข่าวประเสริฐของพระองค์อย่างทุ่มเท

เอาจริงเอาจังและอาวุธหรือเครื่องมืออันสำคัญของข่าวประเสริฐคือความรักขององค์พระคริสต์เจ้านั่นเอง ดังปรากฏเมื่อทรงตรัสสั่งสอนซีโมนเปโตรตอนหนึ่งว่าดังนี้

“พระองค์ตรัสกับเขาครั้งที่สามว่า “ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย เจ้ารักเราหรือ” เปโตรก็เป็นทุกข์ใจที่พระองค์ตรัสถามเขาครั้งที่สามว่า “เจ้ารักเราหรือ” เขาจึงทูลพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง พระองค์ทรงทราบว่า ข้าพระองค์รักพระองค์” พระเยซูตรัสกับเขาว่า “จงเลี้ยงแกะของเราเถิด”” ยอห์น 21:17

การระลึกถึงการฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสต์เจ้าจึงเป็นการปลุกเร้าให้ข่าวประเสริฐของพระองค์ได้ยิ่งแผ่แพร่ขยายออกไปอย่างกว้างขวางในทุกหนแห่งบนโลกนี้

ขอให้พี่น้องทุกๆ ท่านได้ชื่นชมและสัมผัสกับพระพรอันมากล้นในเทศกาลอีสเตอร์ อย่างถ้วนหน้ากัน สุขสันต์วันอีสเตอร์ 2022 ครับผม พบกันใหม่ในสัปดาห์หน้าครับ

コメント


bottom of page