top of page

เท้าของผู้นำข่าวดีมา ก็งามสักเท่าใดที่บนภูเขา ผู้โฆษณาสันติภาพ ผู้นำข่าวดีของเรื่องดี ผู้โฆษณาความรอด ผู้กล่าวแก่ศิโยนว่า “พระเจ้าของเจ้าทรงครอบครอง”” อิสยาห์ 52:7

7เท้าของผู้นำข่าวดีมา ก็งามสักเท่าใดที่บนภูเขา ผู้โฆษณาสันติภาพ ผู้นำข่าวดีของเรื่องดี ผู้โฆษณาความรอด ผู้กล่าวแก่ศิโยนว่า “พระเจ้าของเจ้าทรงครอบครอง”” อิสยาห์ 52:7 นี่เป็นพระวจนะตอนหนึ่งที่ส่งเสริมและหนุนใจให้คนขององค์พระผู้เป็นเจ้ารีบเร่งและทำการประกาศข่าวประเสริฐขององค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยใจร้อนรน กระตือรือร้น และเอาใจใส่อย่างดี การประกาศข่าวประเสริฐคือการพาผู้คนให้ได้พบกับองค์พระเยซูคริสต์ กลับใจเสียใหม่ถูกสร้างชีวิตให้ได้เป็นสาวกของพระองค์ เป็นการแย่งชิงดวงวิญญาณหรือฉุดดวงวิญญาณออกมาจากอาณาจักรของความมืดให้ได้เข้าไปยังอาณาจักรของความสว่าง องค์พระเยซูคริสต์ทรงเป็นตัวอย่างและสอนผู้คนให้ได้ใส่ใจในพันธกิจอันสำคัญยิ่ง “18พระวิญญาณแห่งพระเป็นเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะว่าพระองค์ได้ทรงเจิมตั้งข้าพเจ้าไว้ เพื่อนำข่าวดีมายังคนยากจน พระองค์ได้ทรงใช้ข้าพเจ้าให้ร้องประกาศอิสรภาพแก่บรรดาเชลย ให้ประกาศแก่คนตาบอดว่าจะได้เห็นอีก ให้ปล่อยผู้ถูกบีบบังคับเป็นอิสระ 19และให้ประกาศปีแห่งความโปรดปรานของพระเป็นเจ้า” ลูกา 4:18-19 และแน่นอนเราคุ้นเคยกันมากกับพระวจนะในตอนนี้ “16เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์ 17เพราะว่าพระเจ้าทรงให้พระบุตรเข้ามาในโลก มิใช่เพื่อพิพากษาลงโทษโลก แต่เพื่อช่วยกู้โลกให้รอดโดยพระบุตรนั้น” ยอห์น 3:16-17 พวกเราต้องช่วยกันและผนึกกำลังกันในการทำการนี้ด้วยพลังสามัคคีเพื่อให้ผู้คนได้ยินได้ฟังข่าวดีของพระองค์ “14แต่ผู้ที่ยังไม่เชื่อในพระองค์ จะทูลขอต่อพระองค์อย่างไรได้ และผู้ที่ยังไม่ได้ยินถึงพระองค์ จะเชื่อในพระองค์อย่างไรได้ และเมื่อไม่มีผู้ใดประกาศให้เขาฟัง เขาจะได้ยินถึงพระองค์อย่างไรได้” โรม 10:14 โลกนี้ทั้งใบคือสนามแห่งการรับใช้พระองค์ “15ฝ่ายพระองค์จึงตรัสสั่งพวกสาวกว่า “เจ้าทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวประเสริฐแก่มนุษย์ทุกคน”” มาระโก 16:15 อะไรเป็นสิ่งที่เป็นหัวใจหรือสิ่งที่ผลักดันให้พันธกิจด้านนี้ได้ก้าวหน้าสู่ความสำเร็จอันเป็นสิ่งที่ถวายพระเกียรติแด่พระองค์ในที่สูงสุด ซึ่งพระวจนะได้สอนเราดังนี้คือ

(1) การเชื่อฟังยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าในการกระทำตามพระมหาบัญชาของพระองค์ 19เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ ให้เป็นสาวกของเรา ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ 20สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้ นี่แหละเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค” มัทธิว 28:19-20 การเรียนรู้ในพระคำของผู้ที่รักพระองค์สุดชีวิต รักตนเองและรักผู้อื่นเสมอตนเองย่อมมีใจปรารถนาดีต่อผู้อื่นที่ประสงค์จะให้ผู้อื่นได้รับความรอดในพระองค์เช่นเดียวกับตนเอง การออกไปสำแดงพระคริสต์แก่คนทั้งโลกจึงเป็นเป้าหมายใหญ่และสำคัญ นำผู้คนที่จมชีวิตอยู่ในการบาปมารับการสร้างชีวิตใหม่ในพระองค์ผ่านการทำการทั้งทางตรงทางอ้อม ผ่านวจนะภาษาและอวจนะภาษา ฯลฯ สื่อสารต่างๆ ด้วยฤทธานุภาพขององค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ จนกว่ามนุษย์คนสุดท้ายบนโลกนี้จะได้เป็นสาวกของพระองค์ พันธกิจด้านการประกาศข่าวดีก็จะยุติลงได้นั่นเอง ทางแห่งความรอดมีทางเดียวคือทางขององค์พระเยซูคริสต์เจ้า ทางอื่นไม่มีเลย “36และเมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นประชาชนก็ทรงสงสารเขา ด้วยเขาถูกรังควานและไร้ที่พึ่งดุจฝูงแกะไม่มีผู้เลี้ยง 37แล้วพระองค์ตรัสกับพวกสาวกของพระองค์ว่า “ข้าวที่ต้องเกี่ยวนั้นมีมากนักหนา แต่คนงานยังน้อยอยู่ 38เหตุนั้นพวกท่านจงอ้อนวอนพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของนา ให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวพืชผลของพระองค์”” มัทธิว 9:36-38 พระองค์ทรงสอนให้เราอ้อนวอนต่อพระองค์เพื่อการนี้

(2) การถูกเตรียมชีวิตและรับการสอนเสริมสร้างชีวิตใหม่เพื่อการนี้ 11ของประทานของพระองค์ ก็คือให้บางคนเป็นอัครทูต บางคนเป็นผู้เผยพระวจนะ บางคนเป็นผู้เผยแพร่ข่าวประเสริฐ บางคนเป็นศิษยาภิบาลและอาจารย์ 12เพื่อเตรียมธรรมิกชนให้เป็นคนที่จะรับใช้ เพื่อเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์ให้จำเริญขึ้น 13จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อ และในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า จนกว่าเราจะโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ คือเต็มถึงขนาดความไพบูลย์ของพระคริสต์” เอเฟซัส 4:11-13 ผู้ที่จะทำการใหญ่เช่นนี้จะถูกพัฒนาชีวิตทั้งทางกาย จิตใจและจิตวิญญาณอย่างมีนัยสำคัญเพื่อจะแข็งแกร่งและไม่หวาดหวั่นต่ออุปสรรคปัญหาต่างๆ การเรียนรู้ในพระคำ การเต็มล้นด้วยพระวิญญาณ การฝึกหัวใจที่เข้มแข็งและแข็งแกร่ง การฝึกค่านิยม ท่าทีการเป็นทาสสมัครขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าเป็นเรื่องใหญ่ จำเป็นและสำคัญ การพัฒนาตะลันต์ของประทานการรับใช้ การเติบโตขึ้นในพระองค์จนเป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์เจ้าก็ล้วนสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกันเลย การดำเนินชีวิตในทางชอบธรรมละทิ้งบาปเป็นแบบอย่างอันดีงามแก่โลกนี้เป็นส่วนหนึ่งของการประกาศข่าวดีด้วยไม่ยิ่งหย่อนกว่าการมีหัวใจที่อุทิศถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าก็จำเป็นด้วย เปาโลจึงกล่าวว่า “21เพราะว่าสำหรับข้าพเจ้านั้น การมีชีวิตอยู่ก็เพื่อพระคริสต์ และการตายก็ได้กำไร” ฟิลิปปี 1:21

(3) มอบการเกิดผลไว้ในพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าในบั้นปลาย หากเราได้ทำหน้าที่ของเราดีที่สุด สัตย์ซื่อยำเกรงต่อพระองค์ สิ่งที่ดี สิ่งที่จำเป็นพระองค์ก็จะเพิ่มเติมและประทานให้อย่างเพียงพอและบริบูรณ์ “7จงไปพลางประกาศพลางว่า 'แผ่นดินสวรรค์มาใกล้แล้ว' 8จงรักษาคนเจ็บป่วยให้หาย คนตายแล้วให้ฟื้น คนโรคเรื้อนให้หายสะอาด และจงขับผีให้ออก ท่านทั้งหลายได้รับเปล่าๆ จงให้เปล่าๆ 9อย่าหาเหรียญทองคำหรือเงินหรือทองแดงไว้ในไถ้ของท่าน 10หรือย่ามใช้ตามทาง หรือเสื้อ หรือถือไม้เท้า หรือสวมรองเท้า เพราะว่าผู้ทำงานสมควรจะได้อาหารกิน 11เมื่อท่านมาถึงนครใดหรือหมู่บ้านใด จงสืบดูว่าใครเป็นคนเหมาะสมในที่นั้น แล้วจงไปอาศัยกับผู้นั้น จนกว่าจะจากไป 12ขณะเมื่อขึ้นเรือน จงให้พรแก่ครัวเรือนนั้น 13ถ้าครัวเรือนนั้นสมควรรับพร ก็ให้สันติสุขของท่านอยู่กับเรือนนั้น แต่ถ้าครัวเรือนนั้นไม่สมควรรับพร ก็ให้สันติสุขนั้นกลับคืนมาสู่ท่านอีก 14ถ้าผู้ใดไม่ต้อนรับท่านทั้งหลายและไม่ฟังคำของท่าน เมื่อจะออกจากเรือนนั้นเมืองนั้น จงสะบัดผงคลีที่ติดเท้าของท่านออกเสีย เพื่อแสดงว่าท่านไม่รับผิดชอบต่อไป” มัทธิว 10:7-14 การเกิดผลเป็นของพระองค์ บางครั้งอาจจะเห็นได้ในชั่วชีวิตของเรา บางครั้งอาจจะเป็นคนรุ่นถัดไปก็ได้ มิชชันนารีมาทำการในประเทศไทยในปีแรกๆ ไม่มีคนรับเชื่อพระเป็นเจ้าเลยจนต่อมาอีกหลายปี คริสตจักรขอแก่นก็เช่นเดียวกันหลังมีการประกาศนานถึง 10 ปีโดยประมาณจึงมีคนรับบัพติศมาเป็นคนแรกของจังหวัดขอนแก่นซึ่งไม่มีเอกสารบันทึกเอาไว้ที่จะสืบค้นข้อมูลได้ เป็นต้น การเกิดผลเป็นของพระองค์และในเวลาของพระองค์ ซึ่งไม่สายไม่ช้าเกินไปอย่างแน่นอน มอบไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ “13“ท่านทั้งหลายเป็นเกลือแห่งโลก ถ้าเกลือนั้นหมดรสเค็มไปแล้ว จะทำให้กลับเค็มอีกอย่างไรได้ แต่นั้นไปก็ไม่เป็นประโยชน์อะไร มีแต่จะทิ้งเสียสำหรับคนเหยียบย่ำ 14“ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลก นครซึ่งอยู่บนภูเขาจะปิดบังไว้ไม่ได้ 15เมื่อจุดตะเกียงแล้ว ไม่มีผู้ใดเอาถังครอบไว้ ย่อมตั้งไว้บนเชิงตะเกียง จะได้ส่องสว่างแก่ทุกคนที่อยู่ในเรือนนั้น 16ท่านทั้งหลายก็เหมือนกับตะเกียง จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่าน ผู้ทรงอยู่ในสวรรค์” มัทธิว 5:13-16

ขอให้เราประกาศเป็นประจำสม่ำเสมอในทุกๆ โอกาสดุจดังเกลือและความสว่างส่องโลกนี้ อาเมนและอาเมน มาช่วยกันรับใช้ร่วมกันในด้านนี้ นำผู้คนเข้าถึงพระคริสต์เจ้าร่วมกัน และเติบโตขึ้นในพระองค์ไปด้วยกัน พบกันใหม่ในสัปดาห์หน้าครับผม

 
 
 

โพสต์ที่คล้ายกัน

ดูทั้งหมด
บทความจาก ศบ. 23 มิถุนายน 2024

คริสตจักรขอนแก่นยินดีต้อนรับทุกๆ ท่านสู่การนมัสการในทุกๆ รอบด้วยความชื่นชมยินดียิ่ง ขอให้ทุกๆ ท่านได้สัมผัสกับความรัก...

 
 
 

Comentários


bottom of page